Facebook ... เจ้าพ่อ Social Network ที่ทุกคนต้องรู้จัก (บางคนอาจจะเรียกว่ามาเฟียเลยทีเดียว เพราะพี่แกเล่นไปซื้อกิจการของคู่แข่งไปเกือบหมดแล้ว 55) ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่า Facebook ทำอะไร ใช้งานยังไง ซึ่งเราจะไม่พูดถึงเรื่องน่าเบื่อแบบนั้น....เราจะพูดถึงเรื่องน่าเบื่อกว่านั้น เย้ย 555
เรื่องที่เราจะมาพูดถึงกันวันนี้คือเราจะมาลองทำการวิเคราะห์หาคุณค่าที่แท้จริงของระบบนี้กัน โดยเราจะใช้ Business Model Canvas เป็นตัวช่วยในการแบ่งแยก สังเคราะห์ระบบอันแยบยลนี้ให้เข้าใจได้ง่าย และเป็นระบบ
.
โมเดลธุรกิจของ Facebook .
สิ่งแรกที่เราต้องมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิตแพลตฟอร์มแบบ Facebook ให้ได้ก็คือ ธุรกิจประเภทนี้เป็นธุรกิจที่ต้องบาลานซ์กลุ่มผู้ใช้แต่ละกลุ่มให้ดี เพราะถ้าบาลานซ์ตรงจุดนี้เสียไปอาจจะทำให้แพลตฟอร์มล้มไม่เป็นท่าไปเลยก็ได้
กลุ่มผู้ใช้ของ Facebook สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ขา หลักๆ ได้แก่ ผู้ใช้งานทั่วไป - ที่มีหน้าที่เป็นทั้งคนสร้างสรรค์เนื้อหา ( User Generated Content ) และคนที่ทำหน้าที่รับข่าวสาร
กลุ่ม Influencer - ที่คนที่คอยสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้จากจากมีชื่อเสียงใน Social Media
กลุ่มในภาคส่วนธุรกิจ และแบรนด์ต่างๆที่หาพื้นที่ในการโปรโมทสินค้าและบริการของตนเอง
. ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้ล้วนมีความเกี่ยวข้องกัน และมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการทำให้ ecosystem ของ Facebook นั้นยังคงหมุนเวียนต่อไปได้เรื่อยๆ
ถ้าจะพูดให้เห็นภาพก็คือกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปอย่างๆเราต้องการใช้งาน Facebook เพื่อรับรู้ข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ ซึ่ง influencer หรือ content creator ก็จะเป็นผู้ค่อยสร้างสรรค์ไอเดีย นำเสนอเนื้อหาใหม่ๆให้กับเรา
แต่ในขณะเดียวกันเหล่า influencer กับ content creator ก็ไม่ได้ต้องการสร้างเนื้อหาฟรี จึงต้องหวังพึ่งภาคธุรกิจ พ่อค้า แม่ค้าต่างๆ มาช่วยเป็นสปอนเซอร์ สร้างรายได้ให้กับตน ซึ่งเหล่าธุรกิจต่างก็ยินดีที่จะจ่ายเพื่อจะได้สามารถเข้าถึงกลุ่มยูสเซอร์ทั่วไปอย่างเราๆได้ง่ายๆ
ซึ่งสมดุลตรงนี้ต่างประเทศเค้ามีการใช้คำว่า Same-Side Network กับ Cross-Side Network Effect ในการอธิบายความโยงใยของระบบเหล่านี้ ซี่งถ้าใครสนใจเดียวไว้ผมจะมานั่งเขียนเรื่องนี้เพิ่มเติมให้อ่านกันคราวหน้า
จากที่กล่าวๆมาจะทำให้เราเข้าใจได้ว่าที่จริงแล้วสินค้าของ Facebook อาจจะไม่ได้เป็นเว็ปไซต์หรือแอปพลิเคชั่น แต่เป็นเหล่ายูสเซอร์อย่างเราๆ กับเนื้อหาที่พวกเราได้สร้างขึ้นนี่แหละ ที่เป็นสินค้าที่ล้ำค่าที่สุดของคุณ Mark Zuckerberg ก็เป็นได้
.
จากที่กล่าวมาข้างต้น คุณ Mark สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่าการดึงดูดยูสเซอร์ไว้กับแพลตฟอร์มนั้นสำคัญแค่ไหน ช่วงแรก facebook จึงไม่ได้มีระบบยิงโฆษณาเพื่อให้เหล่าผู้ใช้สนุกสนานกับการใช้งานระบบอย่างเต็มที่ โพสต์ทีเดียว reach เป็นร้อยเป็นพัน จนถึงระยะเวลานึงที่แพลตฟอร์มเติบโตและสร้าง network effect ที่แข็งแกร่งเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มเปิดใช้ "เครื่องจักรพิมพ์แบงค์อัตโนมัติ" อย่างระบบยิงแอดโฆษณา แล้วค่อยลด organic reach ลด จนเป็นอย่างปัจจุบันที่เราอยากจะหนีออกจากระบบก็ทำไม่ได้ เพราะ "Data" ของเรามันอยู่กับ Facebook หมดแล้วนี่เอง
.
สถิติที่น่าสนใจอื่นๆของ Facebook .
- ในปี 2020 Facebook มีผู้ใช้งานทั้วโลกถึง 2,700 ล้านยูสเซอร์
- ในปี 2020 Facebook สามารถทำรายได้ไปถึง 85,965 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.58 ล้านล้านบาท!
- โดยรายได้เกือบทั้งหมดมาจากค่าโฆษณาประมาณ 84,169 ล้านดอลลาห์ คิดเป็น 98% จากรายได้ทั้งหมด